LayerZero เป็นคำศัพท์ที่ใช้ในหลายด้านและมีความหมายที่แตกต่างกันไป ต่อไปนี้เป็นบทความที่อธิบายเกี่ยวกับ LayerZero Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่ออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความสามารถในการขยายขอบเขตและประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันที่มีการกระจายอยู่ (dApps) โดยมุ่งเน้นแก้ไขข้อจำกัดของโครงสร้างบล็อกเชนที่มีอยู่โดยการนำเข้ากลไกการชาร์ดและการใช้งานอัลกอริทึมเชิงสร้างสรรค์ชื่อ Proof-of-Process โดย LayerZero Protocol มุ่งหวังที่จะให้ความสามารถในการทำธุรกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงและเลือนลื่นในเวลาเคาะห์เยอะพร้อมทั้งรักษาความกระจายและความปลอดภัย
LayerZero Protocol: การพัฒนาโปรโตคอลบล็อกเชนที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เป็นเหตุผลที่กลุ่มนักพัฒนาและนักลงทุนได้สร้างและพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีการกระจายที่ใช้งานบนบล็อกเชน (dApps) อย่างไรก็ตาม โครงสร้างบล็อกเชนแบบเดิมอาจมีข้อจำกัดบางประการที่จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อให้แอปพลิเคชันสามารถขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่เสียความปลอดภัย
ในบริบทนี้เกิดขึ้นการพัฒนา LayerZero Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลบล็อกเชนที่เน้นการแก้ไขข้อจำกัดดังกล่าว โดยใช้วิธีการที่แตกต่างจากโครงสร้างบล็อกเชนแบบเดิม ทำให้ LayerZero Protocol เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักพัฒนาและนักลงทุนที่ต้องการสร้างและดำเนินการกับ dApps ที่มีประสิทธิภาพสูงและมีการขยายตัวได้อย่างยืดหยุ่น
การทำงานของ LayerZero Protocol
LayerZero Protocol มีความแตกต่างเนื่องจากการใช้กลไกการชาร์ดและอัลกอริทึม Proof-of-Process ที่เป็นเชิงสร้างสรรค์ โดยทั่วไปแล้ว การชาร์ดในโครงสร้างบล็อกเชนทำงานโดยการแบ่งแยกการดำเนินการทางคณิตศาสตร์ในกลุ่มเล็กๆ และแต่ละกลุ่มจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างบล็อกใหม่ ทั้งนี้อัลกอริทึม Proof-of-Process ทำให้ LayerZero Protocol มีวิธีการชาร์ดที่แตกต่างกัน แทนที่จะแบ่งกลุ่มการดำเนินการเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่จะใช้งานในรูปแบบของกระบวนการที่สร้างความประสิทธิภาพขึ้นของตนเอง
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและความสามารถในการขยายตัวของแอปพลิเคชันที่ใช้งานบน LayerZero Protocol โครงสร้างบล็อกเชนจะถูกแบ่งเป็นหมวดหมู่เล็กๆ ที่เรียกว่าชาร์ด แต่ละชาร์ดจะมีความเกี่ยวข้องกันและสามารถดำเนินการแยกกันได้ และเมื่อมีการทำธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น แต่ละชาร์ดสามารถประมวลผลแยกกันได้พร้อมกัน ทำให้ LayerZero Protocol มีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและสามารถรองรับการทำธุรกรรมหลายรายการในเวลาเดียวกันได้